วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ

อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ
อุปกรณ์ต่อพ่วง
อุปกรณ์ต่อพ่วง หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆที่มามารถต่อเข้ากับอุปกรณ์ของหน่วยประมวลผลกลางและประกอบเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งาน
1.แป้นพิมพ์(Keyboard)
clip_image006
เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลจากการกดแป้นแล้วทำการเปลี่ยนรหัสเพื่อส่งไปให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล แบ่งเป็นแป้นอักขระและแป้นตัวเลข
2.เมาส์(Mouse)
clip_image008
เป็นอุปกรณ์ประเภทตัวชี้รับข้อมูลจากการกดปุ่มบนตัวเมาส์
เมาส์แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ
2.1.เมาส์ทางกล
2.2.เมาส์แบบใช้แสง
3.อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งสำหรับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่ติดอยู่กับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊คบุ๊คได้เลย พกพาง่าย มี 3 ประเภท
3.1.ลูกกลมควบคุม (track ball)
3.2.แท่งชี้ควบคุม (track point)
3.3.แผ่นรองสัมผัส (touch pad)
4.ก้านควบคุม(joystick)
clip_image010
เป็นก้านที่โผล่ออกมาจากกล่องควบคุมโดยการบิดขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา นิยมใช้เล่นเกม
5. จอสัมผัส(touch screen)
clip_image012
เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่รับข้อมูลจากการสัมผัสบนจอภาพ
6.อุปกรณ์รับเข้าแบบกราดตรวจ
clip_image014
นิยมใช้ 3 ประเภท
6.1.เครื่องอ่านรหัสแท่ง
6.2.เครื่องกราดตรวจหรือสแกนเนอร์
6.3.กล้องดิจิทัล
7. เว็บแคม(Web cam: Web camera)
clip_image016
เป็นอุปกรณ์รับเข้าประเภทกล้องวีดีโอที่ สามารถบันทึกและถ่ายทอดภาพนิ่ง เคลื่อนไหว ผ่านระบบเครือข่ายเว็บไซต์หรือโปรแกรม แล้วส่งไปปรากฏที่จอภาพ
8.จอภาพ(Monitor) มี 2 ชนิด ได้แก่
8.1.จอภาพแบบซีอาร์ที(Cathode Ray Tube)
clip_image018
8.2.จอภาพแบบแอลซีดี(Liquid Crystal Display)
clip_image020
9.ลำโพง(Speaker)
clip_image022
เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่แสดงผลเป็นข้อมูลเสียงใช้งานคู่กับการ์ดเสียง(Sound card)
10.หูฟัง(Headphone)
clip_image024
เป็นอุปกรณ์ที่ส่งออกใช้สำหรับฟังเพลง ฟังเสียงจากคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณให้เราได้ยิน
11.เครื่องพิมพ์(Printer)
clip_image026
เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่แสดงผลงานพิมพ์ลงบนกระดาษ
11.1.เครื่องพิมพ์แบบจุด
11.2.เครื่องพิมพ์เลเซอร์
11.3.เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก
11.4.พล็อตเตอร์(Plotter) เป็นเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่มีความละเอีอดและสัดส่วนที่ถูกต้องสูง สามารถพิมพ์ลงกระดาษขนาดใหญ่ได้
12.โมเด็ม(Modem)
เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆได้
อ้างอิง http://molazy.wordpress.com
ขนาดความเร็วและความจุของฮาร์ดดิสก์ 
ขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์
เรื่องขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์นี้ค่อนข้างตัดสินใจได้ง่าย ซึ่งมีตัวเลขที่ระบุไว้ตามลาเบลไว้อย่างชัดเจน ปัจจุบันขนาดความจุที่มีจำหน่ายกันอยู่ที่ ระดับกิกะไบต์ เช่น 20, 30, 40, 60 ไปจนถึง 400 กิกะไบต์ แน่นอนเมื่อปริมาณความจุที่สูงขึ้นย่อมส่งผลให้ราคาต้องขยับตัวสูงตามไปด้วย สำหรับขนาดที่ ควรจะซื้อหามาใช้ในปัจจุบัน ควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งาน และไม่ควรเพื่อพื้นที่ไว้ใช้งานมากจนเกินจำเป็น เพื่อประหยัดงบประมาณในกระเป๋าท่าน ได้อีกทางและสามารถที่จะใช้พื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ได้อย่างคุ่มค้าอีกด้วย
ความเร็วรอบ
ความเร็วรอบสำคัญไฉนสิ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนก็คือการหมุนของวงล้อรถหากซอยถี่มากเท่าใด จะย่นระยะเวลาไปยังจุดหมายปลายทางมากขึ้นเท่านั้น ในทำนองเดียวกันกับฮาร์ดดิสก์ที่เมื่อความเร็วรอบยิ่งถี่เพียงใด จะทำให้ประสิทธิภาพในการเข้าถึงหรือค้นหาข้อมูลมีความรวดเร็วขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปัจจุบันความเร็วรอบในการหมุนจานดิสก์มมาตรฐานพีซีและแล็บท็อปส่วนใหญ่มาอยู่ที่ 7,200 รอบต่อนาที (3.5 นิ้ว) และ5,400 รอบต่อนาที (2.5 นิ้ว) นอกจากนี้การใช้งานที่สูงขึ้นไปอีกในระดับเอ็นเทอร์ไพช์อย่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์และเวิร์คสเตชั่น ความเร็วรอบในการหมุนที่จัดจ้านถึงระดับ 10,000 – 15,000 รอบต่อนาที ดูจะเหมาะกว่า เนื่องจากการใช้งานระดับการเข้าถึงและเรียกใช้มีความสำคัญมาก

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประเภทของข้อมูล

ข้อมูล  คือ ปริมาณรายละเอียดของเหตุการณ์หรือความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันรอบๆ ตัวเรา  เช่นข้อมูลบุคคล  ข้อมูลสินค้า  ข้อมูลคนไข้  ในชีวิตประจำวัน เราต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลตลอดเวลา  ข้อมูลมีหลายชนิดทั้งที่เป็นตัวเลข เป็นข้อความ เป็นเสียงหรือเป็นภาพ ซึ่งเราสามารถรวบรวมข้อมูลได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ
           ข้อมูลมีหลายประเภท  ดังนี้
             1.  ข้อมูลที่เป็นตัวอักษร  คือข้อมูลที่ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขที่ใช้ในการคำนวณ  ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ  เช่น  บัตรประชาชน  ทะเบียนบ้าน 
ทะเบียนรถยนต์  ชื่อ นามสกุล  หมายเลขโทรศัพท์  บ้านเลขที่  เป็นต้น
             2.  ข้อมูลที่เป็นตัวเลข  คือข้อมูลที่ประกอบไปด้วยตัวเลข   0   ถึง   9  ใช้ในการคำนวณได้  เช่น  คะแนน  จำนวนเงิน  ราคาสินค้า  เป็นต้น
             3.  ข้อมูลภาพ คือข้อมูลที่เป็นภาพอาจเป็นภาพนิ่ง  เช่นภาพถ่าย  ภาพวาด 
ภาพเคลื่อนไหว  เช่นภาพจากวีดิทัศน์  เป็นต้น  อาจเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรือแผ่นซีดี
ในแผ่นกระดาษ  เป็นต้น
             4.  ข้อมูลเสียง  คือข้อมูลที่รับรู้ด้วยการได้ยิน   จัดเก็บข้อมูลในสื่อคอมพิวเตอร์
สามารถแสดงผลข้อมูลเสียงด้วยเครื่องขยายและลำโพง
               ข้อมูลที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีมากมาย  การใช้ประโยชน์จากข้อมูล เช่น  ข้อมูลของภูมิอากาศ  เมื่อนำมาประมวลผลแล้วจะใช้เป็นประโยชน์ด้านการพยากรณ์อากาศ
แหล่งข้อมูลโดยทั่วไป เราสามารถแบ่งออกเป็น ประเภทใหญ่ๆ คือ
   1.  แหล่งปฐมภูมิ  หรือแหล่งข้อมูลเบื้องต้น เป็นแหล่งข้อมูลที่ได้มาจากการสอบถามผู้รู้ข้อมูลที่เราต้องการจะรู้โดยตรง
   2.  แหล่งทุติยภูมิ  หรือแหล่งข้อมูลขั้นที่ 2  เป็นแหล่งข้อมูลที่ผู้อื่นเก็บรวบรวมไว้ก่อนแล้ว เช่น ข้อมูลจากหน่วยต่างๆ ข้อมูลจากผลการวิจัย เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูล

1.ข้อมูลหมายถึงอะไร
        ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานที่ ฯลฯ โดยอยู่ในรูปแบบที่ เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมายและการประมวลผลซึ่งข้อมูลอาจจะได้มาจากการสังเกต การรวบรวม การวัด ข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลขหรือสัญญลักษณ์ใด ๆ ที่สำคัญจะต้องมีความเป็นจริงและต่อเนื่องตัวอย่างของข้อมูล เช่น คะแนนสอบ ชือนักเรียน เพศ อายุ เป็นต้น 
สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น หาค่าเฉลี่ยหรือใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การวิจัยดำเนินงาน เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไปให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์หรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจให้คำตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ สารสนเทศประกอบด้วยข้อมูลเอกสาร เสียง หรือรูปภาพต่าง ๆ แต่จัดเนื้อเรื่องให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย  สารสนเทศไม่ใช่จำกัดเฉพาะเพียงตัวเลขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
         ข้อมูลที่เราพบเห็นทุกวันนี้ มีหลายรูปแบบ เช่น เป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียงต่าง ๆ  เราสามารถรับรู้ข้อมูลได้จากส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1.การรับรู้ข้อมูลทางตา ได้แก่ การมองเห็น เช่น ข้อมูลภาพ จากหนังสือ โทรทัศน์ เป็นต้น
2.การรับรู้ทางหู ได้แก่ การได้ยินเสียงผ่านเข้ามาทางหู เช่น ข้อมูลเสียงเพลง เสียงพูด เสียงรถ เป็นต้น
3.การรับรู้ทางมือ ได้แก่ การสัมผัสกับข้อมูล เช่น การจับเสื้อผ้าแล้วรู้สึกว่านุ่ม เป็นเนื้อผ้าเป็นต้น
4.การรับรู้ทางจมูก ได้แก่ การได้กลิ่น เช่น หอมกลิ่นอาหาร กลิ่นดอกไม้ กลิ่นขยะ เป็นต้น
5.การรับรู้ทางปาก ได้แก่ การรู้สึกถึงรส โดยการสัมผัสทางลิ้น เช่น เผ็ด หวาน ขม  เป็นต้น

         ข้อมูลมีประโยชน์มากมายดังนี้
         1. ด้านการเรียน เช่น ข้อมูลที่ได้จาก โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ มาใช้ประโยชน์ในการเรียนได้ เป็นข้อมูลหรือความรู้เพิ่มเติม
         2. ด้านการติดต่อสื่อสาร เช่น ถ้าเรามีข้อมูล เราสามารถที่จะสนทนาพูดคุย หรือบอกเรื่องต่าง ๆ ให้กับผู้อื่นได้
         3. ด้านการตัดสินใจ เป็นการใช้ช่วยให้เราตัดสินใจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เช่น การเลือกซื้อของเล่น ถ้าเราทราบราคาของเล่นในแต่ละร้าน จะทำให้เราเลือกซื้อของเล่นที่เหมือนกันได้ในราคาที่ถูกที่สุด
              
          รูปแบบของการจัดเก็บข้อมูล ดังนี้
1. ข้อมูลตัวอักษร  คือ ข้อมูลที่ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขที่ไม่ใช้ในการคำนวณ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศ เช่่น ทะเบียนรถยนต์ ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรทัศน์ บ้านเลขที่ เป็นต้น
2. ข้อมูลที่เป็นตัวเลข  คือ ข้อมูลที่ประกอบด้วยตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ในการคำนวณได้ เช่น คะแนน จำนวนเงิน ราคาสินค้า เป็นต้น
3. ข้อมูลภาพ a_cat_ คือข้อมูลที่เป็นภาพอาจเป็นภาพนิ่ง เช่นภาพถ่าย ภาพวาด ภาพเคลื่อไหว เช่น ภาพจากวิดีทัศน์ เป็นต้น อาจเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือแผ่นซีดี เป็นต้น
4. ข้อมูลเสียง คือ ข้อมูลที่รับรู้ด้วยการได้ยิน จัดเก็บอยู่ในสื่อคอมพิวเตอร์สามารถแสดงผลข้อมูลเสียงด้วยลำโพง

การจัดเก็บข้อมูลสามารถเก็บไว้ในอุปกรณ์เหล่านี้
  1.  ฟล็อปปี้ดิสก์ ( Floppy disks ) สื่อเก็บบันทึกข้อมูลที่ได้รับความนิยมและใช้งานอย่างแพร่หลาย สามารถหาซื้อใช้ได้ตามร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วไป นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดิสเก็ตต์ ( diskette ) หรือแผ่นดิสก์
  2.     ฮาร์ดดิสก์ ( Hard disks ) เป็นอุปกรณ์เก็บบันทึกข้อมูลที่มีโครงสร้างคล้ายกับดิสเก็ตต์ แต่จุข้อมูลมากกว่าและมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลสูงกว่า ส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้สำหรับเก็บตัวโปรแกรมระบบปฏิบัติการ ( operating system ) รวมถึงโปรแกรมประยุกต์อื่น ๆ
  3.     CD (Compact Disc) เป็นสื่อเก็บข้อมูลด้วยแสงแบบแรกที่ไดรับความนิยมอย่างแพร่หลายและปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ เนื่องจากมีราคาถูกลงกว่าสมัยก่อนมาก
  4.     อุปกรณ์หน่วยความจำแบบแฟลช ( Flash memory device ) ปัจจุบันนำมาใช้บันทึกแทนสื่อเก็บข้อมูลแบบดิสเก็ตมากขึ้น เพราะจุข้อมูลได้มากกว่า นิยมใช้กับเครื่องพีซีและคอมพิวเตอร์แบบพกพาทั่วไป มีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น flash drive, thumb drive หรือ handy drive